The store will not work correctly when cookies are disabled.
Idea for your home
-
เราสามารถใช้ “ไม้” เป็นองค์ประกอบของบ้านได้ในหลายกรณี ทั้งนี้ต้องรู้จักคุณลักษณะของไม้ว่า “ยืดหดได้” ตามสภาพภูมิอากาศ คายความร้อนเร็ว และเมื่อนำมาเรียงต่อกันก็สามารถทำให้เกิดทั้งส่วนทึบและส่วนโปร่งได้ สามารถนำมาทำ ผนัง ช่องลม ที่บังแดด หรือแม้กระทั่งพื้นชานที่ อีกทั้ง ก็ยังสามารถมาพัฒนาแพทเทิร์นการจัดเรียงใหม่ให้อยู่ในรูปแบบของบ้านโมเดิร์นได้เช่นเดียวกัน
-
ปล่อยให้มี “พื้นที่โล่ง” ในบ้านบ้าง เพื่อทำให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย ไม่ใช่ว่าจะต้องมีฟังก์ชั่นอัดแน่นเต็มไปทุกพื้นที่!! แสงและลมจะช่วยสร้างความรู้สึกที่เปลี่ยนไปเวลาเราเปลี่ยน Space จากพื้นที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง
-
เรื่อง “การใช้วัสดุ” ในงานออกแบบตกแต่ง...คนชอบแบ่งแยกว่าอันนั้นอันนี้คืออะไร เช่น นี่เป็นวัสดุก่อสร้างนำมาใช้ตกแต่งไม่ได้ แต่ผมว่าเราไม่ควรไป “ให้คำจำกัดความวัสดุ” ว่าอะไรต้องใช้ทำอะไร เช่น สังกะสีปกติใช้เป็นหลังคา แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเราต้องไปทำอย่างนั้นก็ได้นี่ เราจะนำไปแต่งผนังก็ได้ มันสามารถพลิกแพลงการใช้งานได้หมด เพื่อให้การแต่งบ้านดูน่าสนุกขึ้น
-
การเลือกเฟอร์นิเจอร์ สำหรับแต่งบ้าน ที่สำคัญเลยคือ “ต้องมีความนั่งสบาย” เพราะบ้านเป็นสถานที่ที่เราใช้งานอยู่ตลอดเวลา เมื่อนั่งแล้วรู้สึกผ่อนคลาย สามารถนั่งแล้วเอนตัวได้ เอกเขนกได้ ไม่ใช่ต้องนั่งหลังตรงตลอดเวลา จุดหลักในการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ เราต้องดูเรื่องสัดส่วนที่เหมาะสมเป็นสำคัญ
-
คนไทยมักเคยชินกับการวางอะไรติดผนัง ซึ่งเป็นความเชื่อที่ฝังรากลึกมาก แต่ผมว่าอะไรที่วางติดผนัง ถ้าลองขยับออกมา จะทำให้เกิด Circulation ใหม่ที่เปลี่ยนไป และได้พื้นที่ใช้สอยก็เปลี่ยนไปด้วย แต่ทั้งนี้ก็ต้องตอบสนองผู้ใช้งานด้วย
-
Lighting เป็นเรื่องสำคัญ...“การเลือกแสงไฟ” มาใช้ในบ้าน หนึ่งเลยคุณต้องคุมเรื่อง Mood & Tone ของบ้านให้ได้ ซึ่งหลักการง่ายๆ คือ หลอดที่เลือกมาใช้ ปกติแสงจะมีอุณหภูมิอยู่ที่ 2,000-4,000 K เป็นอย่างน้อย ซึ่งบ้านควรจะต้องเป็นแสงเดียวกันจึงจะไม่ดูหลอกตาหรือแปลกตา คือให้อุณหภูมิแสงเท่ากัน แต่ความเข้มของแสงก็แตกต่างกันไปไป เช่น บนโต๊ะอาจสว่างกว่าที่พื้น จะได้ไม่ดูสว่างหรือฟุ้งไปหมดเหมือนในร้านสะดวกซื้อ
-
การแก้ปัญหาฝ้าเตี้ย ถ้าเป็นงานประเภท “ที่พักอาศัย” เส้นตั้งจะช่วยให้ดูสูงได้ แนะนำว่าในการเลือกเฟอร์นิเจอร์ควรเลือกดีไซน์ที่ค่อนข้างแบนหน่อย คือไม่ต้องสูงมาก เพื่อให้รู้สึกว่าเวลานั่งไปแล้ว จะเห็น Space ในอากาศเยอะขึ้น
-
การกำหนดว่าอะไรคือ “พระเอกหรือพระรอง” ในพื้นที่ ไม่มีอะไรตายตัว แต่อย่างง่ายสุดคือ ตามฟังก์ชันของพื้นที่นั้นๆ เช่น ถ้าเป็นห้องนั่งเล่น อะไรที่ควรจะเด่น? ก็คืออะไรที่เกี่ยวกับฟังค์ชั่นของห้อง อาจเป็นชุดโซฟาหรือชุดทีวีที่เจ้าของบ้านอยากโชว์ หรือเป็นพร็อพในห้องนั้น ทั้งนี้ ก็แล้วแต่ Space ด้วย บางห้องมี Double Volume มีผนังด้านนึงเป็นผืนใหญ่ อาจจะใส่พระเอกของเราไปตรงนั้นก็ได้
-
อาคารพาณิชย์มักจะถูกนำมาปรับปรุงเป็นโฮสเทล ซึ่งก็จะมีปัญหาในแง่ที่ว่า “ทุกห้องของโรงแรมอยากได้แสงสว่าง” ดังนั้น ห้องที่อยู่ข้างในเราก็ต้องหาวิธีจัดการ เช่น อาจปรับใช้เป็นฟังก์ชั่นที่ไม่ต้องการแสงมาก อย่างห้องประชุมหรือห้องเก็บของ ส่วนห้องที่เป็น Priority ที่แสงต้องเข้าถึง คือ ห้องพัก และโถงทางเข้า เราก็ต้องจัดสรรหรือเขยิบพื้นที่ออกไปเพื่อให้ได้แสงเข้าถึงข้างในได้มากที่สุด
-
“การเลือกชุดเฟอร์นิเจอร์ให้มีภาษาของตัวเอง” จะช่วยสร้างเอกลักษณ์ในตัวงานมากขึ้นกว่าการเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ถูกใจทุกตัว “แต่ไม่มีภาษาที่สอดคคล้องกัน” เพราะถ้าเราเลือกแต่ละตัวจากที่เราชอบเป็นหลัก ในที่สุดแล้วอาจจะไม่เข้ากันหรือแย่งกันเด่น จนทำให้งานออกแบบดูล้นและไม่ชัดเจน
-
ผมให้ความสำคัญกับ “พื้นที่เปิดโล่ง” หรือ “พื้นที่สีเขียว” ผมเชื่อว่า มันจะมีบางวันที่เราเหน็ดเหนื่อยมาจากอะไรบางอย่างในชีวิตแล้วเรากลับมา เราจะเจอกลับ Space ที่มันไม่ได้ช่วยเราเลย คือถ้าในภาวะอารมณ์ปกติ ผมมองว่าเราอยู่ใน Spaceนั้นได้ แต่ในบางภาวะ ที่เราต้องการให้ Spaceช่วยเราอีกนิดนึง เยียวยาเราอีกหน่อย สีเขียวช่วยได้ เสียงน้ำช่วยได้ หรือแค่เพียงระเบียงมุมเล็กๆ ก็ช่วยได้
-
“ปัญหาความร้อน” ร้อนเหมือนกันแต่คาแรคเตอร์ไม่เหมือนกัน แดดทิศใต้จะทำมุมสูง เครื่องมือในการแก้ปัญหา ที่เหมาะสม คือการทำชายคายื่นยาวหรือการใช้ระแนงแนวนอน ส่วนแดดทิศตะวันตกซึ่งทำมุมต่ำ ควรใช้ระแนงแนวตั้ง เพื่อให้เกิดการเหลื่อมของแสงจะช่วยป้องกันแสงแดดได้มากกว่า ดังนั้นการแก้ปัญหาความร้อนของแดดจะใช้เครื่องมือเดียวกันไม่ได้ แต่ต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมกับปัญหาและสภาพพื้นที่
-
บ้านเป็นสิ่งที่จะอยู่กับเราไปอีกนาน ฉะนั้น ความชอบของเราวันนี้อาจไม่ได้ตัดสิน “สิ่งที่ควรจะเป็นจริงๆ” เราควรต้องเอาความชอบในทั้งช่วงชีวิตของเรา หรืออะไรที่ “งามแบบไร้กาลเวลา” อันนั้นต่างหากคือสิ่งที่เราควรไปหา ผมคิดว่า “บ้านไม่ควรเป็นอะไรที่ฉาบฉวย” ไม่ควรเป็นอะไรที่อิงไปกับกระแสเทรนด์มากๆ เช่น สีนี้กำลังมานะ ต้องรีบหยิบมาใช้ ผมว่าแบบนั้นไม่ใช่ไอเดียของ “บ้าน”
-
พื้นที่เล็กก็ Luxury ได้ โดยเลือกใส่กระจกหรือวัสดุที่มีความมันเงา และโทนสีที่ไม่ดูทึบเกินไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพื้นที่นั้นๆ ว่าต้องการได้อารมณ์ประมาณไหน เช่น ถ้าเป็นห้อง Family Room ชั้นล่าง ก็อาจจะให้มีความสนุกสนาน มีสีสันหน่อย แต่ถ้าเป็นห้องที่ชั้นสองก็อาจให้ดูอบอุ่นหน่อย เพราะกำลังจะนอนแล้ว สีก็ต้อง Deep Tone ลงมานิดนึง เช่น น้ำเงิน เทา เป็นต้น
-
คนที่กำลังสร้างบ้าน นอกจากเตรียมเงินแล้ว คุณต้องเลือกเนื้อคู่ (สถาปนิก) ก่อน!! เพราะไม่ใช่ว่าทุกคนจะทำงาน ร่วมกันได้... เจ้าของบ้านกับสถาปนิกเองต้องทำงานร่วมกัน ฉะนั้นแล้ว คุณต้องรู้จริตของคุณให้ได้ว่าจริตคุณเป็นแบบไหน แล้วก็เลือกให้ถูกจริตของตัวเอง อันนี้คืออันดับแรก ที่ควรทำก่อนสร้างบ้าน (คือหาเนื้อคู่ที่คุยกันรู้เรื่อง)
-
ถ้าอยากให้บ้าน “ซ่อมบำรุงง่าย” แม้ไม่ได้มีสถาปนิกมาช่วยวางระบบตั้งแต่แรก คุณก็สามารถทำได้หลายประเด็น เช่น หลังคา ก็แค่มีฝ้าเซอร์วิสซึ่งทำให้ซ่อมบำรุงจากข้างล่างได้สะดวก หรือท่อน้ำ ควรให้เดินท่อข้างบนทั้งหมด เพราะเวลาท่อแตกจะมีแรงดัน เราจะได้เห็นรอยน้ำบนฝ้า และควรออกแบบให้มีวาล์วปิดน้ำเป็นจุดๆ แต่ละห้องไปเลย ก็จะทำให้ช่างสามารถไปซ่อมได้ง่ายขึ้น
-
“การได้สัมผัสธรรมชาติ” เป็นเหมือนการสร้างพลังชีวิต บ้านเหมือนเป็นที่ชาร์ตแบต เราตื่นมาแล้วหายใจได้เต็มปอด “อยู่แล้วรู้สึกมีความสุข” ผมว่า “บ้านต้องเป็นประมาณนี้” ฉะนั้นจึงควรออกแบบบ้านให้มีความเป็นธรรมชาติเข้ามา คือ ให้คน บ้าน ธรรมชาติได้มีความสัมพันธ์กันเป็นเรื่องเดียวกัน
-
สิ่งที่ควรมองหาเวลา “เลือกซื้อคอนโด” นอกจากทำเลแล้ว แนะนำให้ดูความน่าเชื่อถือของ Developer ก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะสร้างความมั่นใจได้ว่าโครงการที่เราซื้อ จะได้รับการพัฒนาและก่อสร้างได้เสร็จสมบูรณ์ ส่วนในเชิงดีไซน์แนะนำให้ดูผังห้องพักให้ละเอียดเหมาะสมกับ Lifestyle ของเรา
-
หลายคนมักคิดว่าถ้าพื้นที่เล็ก ก็ต้องไปใช้ “กระจก” มากั้นหรือตกแต่ง แต่การใช้กระจกนั้น จะนำไปวางมั่วๆ ไม่ได้ เพราะคุณสมบัติของกระจก คือ “การสะท้อน” ซึ่งหมายถึงมันสามารถสะท้อนทั้งความว่างเปล่าและความยุ่งเหยิงได้ด้วย ดังนั้นต้องดูว่าเราควรนำไปวางตรงไหน? เพื่อให้สะท้อนอะไร?
-
“บ้านที่อยู่...ไม่ใช่บ้านตัวอย่าง” ที่ต้องพร้อมสมบูรณ์ไปหมดทุกสิ่ง ดีไซน์เนอร์ควรออกแบบตกแต่งเท่าที่จำเป็น แล้วที่เหลือก็ปล่อยให้เจ้าของบ้านแต่งเติมพื้นที่นั้นด้วยตัวเอง เพราะเขาจะรู้ว่าเขาอยากได้อะไร คือมันควรมีพื้นที่ให้เจ้าของบ้านรู้สึกสนุกกับพื้นที่ของตัวเอง
-
“อยู่ทาวน์โฮมแต่ได้อารมณ์เหมือนบ้านเดี่ยว” สิ่งสำคัญคือ “ช่องเปิด” เพราะทาวน์โฮมโดยมากจะมีผนังทึบสองด้าน พื้นที่แน่น ช่องเปิดน้อย ถ้าทำเป็นห้องนอน 2 ห้อง ห้องน้ำตรงกลางก็มืดแล้ว ดังนั้นเราอาจจะเจาะช่อง, เปิดเป็น Court, ทำหลังคา Skylight หรืออะไรที่สร้างพื้นที่ตรงนั้นให้ดูมีแสงธรรมชาติเพิ่มเติมได้ จะช่วยลดความรู้สึกอึดอัดของทาวน์โฮมให้น้อยลงได้
-
การเลือกเฟอร์นิเจอร์สำหรับพื้นที่ส่วนกลาง ผมว่า “โซฟา” เป็นพระเอกในพื้นที่นี้ ควรเลือกโซฟาที่แน่นพอดี ไม่ยุบย้วย มีความสูงพอดี ถ้าเตี้ยเกินไปผู้สูงอายุจะลุกนั่งลำบากคือคำว่า “พื้นที่ส่วนกลาง” มันควรต้องเอื้อกับคนทุกช่วงวัยในบ้าน และผมมักแนะนำให้ลูกค้าเลือกเฟอร์นิเจอร์ Masterpiece สักอันมาใส่ เพื่อให้ดูเป็นงานศิลปะในพื้นที่ เวลาที่เข้าไปใช้งานคุณจะได้สัมผัสกับสุนทรียะในพื้นที่ด้วย
-
ถ้าคิดจะเปลี่ยนหรือเพิ่มเติมอะไรลงไปเพื่อเติมความสดใสให้บ้านเก่า ก่อนอื่นผมขอแนะนำให้คุณตัดสินใจ “ทิ้งของ” บางอย่างให้ลงเสียก่อน!! สังเกตไหมว่าบ้านที่อยู่มานานมันจะเริ่มไม่เป็นระเบียบ เพราะมันเต็มไปด้วยข้าวของมากมาย ดังนั้นก็ต้องกล้านำสิ่งที่ไม่ใช้ออกและหลังจากนั้นแล้วคุณจะรู้เองว่า คุณอยากเอาอะไรเข้ามาหรือควรทำอะไรกับพื้นที่นั้นต่อไป
-
สัดส่วนการผสมของวัสดุและผิวสัมผัส Texture หลักควรใช้ที่ 60 % ขึ้นไป เช่น วัสดุเดียวกันควรเลือกแบบที่มี Texture คล้ายๆ กัน ส่วนวัสดุที่ต่างกัน เราสามารถเปลี่ยนสเกลของ Texture ได้ เช่น Texture หลักเป็นแบบหยาบ อีก 20% ก็ใช้เป็น Texture ละเอียด เพื่อช่วยให้งานตกแต่งไม่น่าเบื่อจนเกินไป
-
ทำความรู้จักกันให้มากขึ้นกับ คุณธฤต ทศไนยธาดา Design Director และเป็นหนึ่งในพาร์ทเนอร์ของบริษัท Design In Motion “เวลาทำงานออกแบบ เราจะคุยกันว่าจะมีไอเดียอะไรที่เราอยากสื่อสารผ่านผลงานนี้บ้าง”
-
บ้านหลายหลัง ชอบเอาต้นไม้หรือสวนไว้ข้างนอก ข้อเสียคือ เวลาเราอยู่ในบ้านจะแทบไม่เห็นต้นไม้เลย เราเลยคิดมุมกลับโดยเอาต้นไม้เข้ามาอยู่ในบ้าน ในห้องนั่งเล่น ห้องน้ำ ห้องนอน เพราะเรามองว่าในเมื่อคุณจ่ายเงินสร้างขึ้นมาแล้ว ทุกห้องในบ้าน“ควรจะได้เห็นมัน” ...คุณควรได้ดื่มด่ำกับบ้านและกับเงินที่จ่ายไป
-
Waste Space คือ พื้นที่ที่เราไม่อยากให้เกิดขึ้นในบ้านเพราะเป็นพื้นที่จุดอับของตัวบ้าน มันจะทำให้ลามมาถึงเรื่องของการระบายอากาศด้วย เช่น ปลายทางเดิน ซึ่งแทนที่จะปล่อยให้ดูมืดๆ ตันๆ ไม่น่าเดิน เราก็สามารถแก้ด้วยการออกแบบให้มีแสงพาดเข้ามาที่ผนังตรงนั้น
-
เรื่องการเลือกเฟอร์นิเจอร์ ถ้าคุณเป็นคนมี Sense ด้านดีไซน์ดี คุณจะเลือกหยิบของที่ดูไม่เข้ากันมาใช้ก็ได้นะครับ แต่สำหรับคนทั่วๆ ไป แนะนำให้คุณสนุกกับการเลือกดีไซน์ที่มันเข้ากันมาก่อนดีกว่าในช่วงเริ่มต้น เพื่อค่อยๆ เรียนรู้กับการมิกซ์แอนด์แมตช์ แล้วคุณก็จะสามารถเลือกสีที่ดูไม่เข้ากันแต่มันก็จะลงตัวได้ในภายหลัง
-
ทุกสไตล์การตกแต่งมีเอกลักษณ์ตัวเอง เช่นเดียวกันกับคน Gen Y ในปัจจุบันที่มีความเป็นตัวของตัวเองค่อนข้างสูง ตัวตนชัดเจน รักอิสระในการใช้ชีวิต ซึ่งในบทความนี้เราได้รวมเฟอร์นิเจอร์และไอเดียการตกแต่งของ 3 สไตล์ยอดฮิตมาฝากกัน จะมีแบบไหนตรงใจคุณบ้าง ไปดูกัน
-
อยากทำ Inner Court ควรมีพื้นที่ขั้นต่ำสัก 4x4 เมตร แต่จริงๆ ก็ขึ้นอยู่กับสัดส่วนของบ้านด้วย “การปลูกต้นไม้ในบ้าน” หากต้องการปลูกเป็นไม้ยืนต้น ก็ควรจะต้องมีแสงที่เพียงพอ มีระบบรดน้ำและการระบายน้ำ คือจะต้องมีระบบที่รองรับเรื่องการดูแลต้นไม้ด้วย รวมถึงไฟส่องสว่างต้นไม้ตอนกลางคืน เพื่อช่วยสร้างบรรยากาศของบ้านให้ดูอยู่ขึ้น
-
ห้องเล็กทำยังไงให้ดูใหญ่? อาจใช้กระจกเข้ามาช่วย โดยใช้ผนังกระจกใสมาเป็นตัวกั้นห้องแทนผนังทึบและเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีสัดส่วนเล็กหน่อยหรือแบบที่ทำจากวัสดุโปร่ง เช่น แก้วใส อะคริลิค ที่มีความมันวาวมาใช้แทนวัสดุทึบๆ ตันๆ ส่วนการใช้สีสัน ถ้าห้องเล็กก็น่าจะใช้ Neutral Tone เพื่อช่วยหลอกตาให้ Space ดูกว้างและโปร่งโล่งขึ้น
-
เมื่อก่อน “ล็อบบี้” โรงแรมอาจมีขนาดใหญ่ มีไว้เช็คอินและให้แขกนั่งคอย แต่จริงๆ เราสามารถเพิ่มมูลค่าให้พื้นที่นี้เป็นมากกว่าแค่ Waiting Area โดยลดขนาดให้เล็กลง แล้วออกแบบพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็น Co-working space ให้บุคคลภายนอกมาเช่าใช้บริการ เพื่อทำให้พื้นที่ตรงนี้กลายเป็นอีกแหล่งสร้างรายได้หนึ่งของโรงแรม
-
หลักการออกแบบ Universal Design ให้ความสำคัญกับระยะต่างๆ ในการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ คือ ถ้าเป็นผู้สูงอายุอาจจะต้องมีอุปกรณ์ช่วยเดินหรือรถเข็น ก็ควรจัดพื้นที่ทางสัญจรให้กว้างเพียงพอไม่ให้เกิดการติดขัด และควรคำนึงถึงระดับของพื้นในอาคาร และอุปกรณ์ช่วยพยุงต่างๆ
-
การทำ Co-Working Space ในออฟฟิศ คือ การมีโต๊ะทำงานที่ไม่ได้มีใครเป็นเจ้าของ อาจจะเพิ่มทางเลือกเป็นโซฟาให้นั่งทำงานด้วยก็ได้ค่ะ เพื่อให้ความรู้สึกผ่อนคลายในการทำงานมากขึ้น ซึ่งก็เป็นฟังก์ชั่นที่ถูกใจคนรุ่นใหม่ เพราะช่วยให้เขารู้สึกว่า บรรยากาศมันดูสร้างสรรค์ขึ้นกว่าการนั่งอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบเดิมๆ ทุกวัน
-
“ที่จอดรถ” คือ ประตูบ้านด่านแรก ไม่ใช่แค่ที่จอดรถและเก็บของ แต่มันคือพื้นที่แรกที่เราต้องเจอเมื่อกลับถึงบ้าน เราไม่ควรต้องเบียดตัวเองในมุมมืดๆ อับๆ และมีแต่คราบน้ำมัน...ผมว่าถ้าเราใช้ที่จอดรถให้เป็นประโยชน์ได้มากกว่านี้ เราจะมีประตูบ้านที่ใหญ่ที่สุดในโลก
-
สิ่งสำคัญของการทำ Hotel คือ 1.First Impression 2.Facilities 3.Infrastructure หลักรอบๆ ส่วนเรื่องการตกแต่ง ผมว่าภายในห้องควรแต่งให้น้อย ส่วนตัวผมแต่งน้อยแต่ผมยอมจ่ายเพื่อฟูกแพงๆ เพื่อให้คนที่จะมาพักเขามีความสุข
-
ถ้าอยากนอนหลับสนิท แนะนำให้ใช้ม่านทึบ (Blackout) ซึ่งเป็นม่านที่จะปิดได้มืดสนิท Trick คือวางซ้อนกันนิดนึง ทั้งส่วนที่ซ้อนกันตรงกลางและข้างๆ (กรณีที่เป็นม่านสองอัน) โดยเหลื่อมกัน 15 ซม. ซึ่งเป็นระยะที่จะช่วยบังแสงได้ดีที่สุดค่ะ
-
ทุกแบรนด์สร้างคุณภาพของตัวเองได้โดยไม่ต้องตะโกนผ่านงานดีไซน์สเกลใหญ่ยักษ์ที่อาจใช้เวลาทำแรมเดือน แต่ใช้งานไม่กี่ชั่วโมงแล้ว “ทิ้ง”
-
การมี “โฮมอโรม่า” ในบ้าน มันทำให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย คือ "การแต่งบ้าน" มันไม่ใช่แค่ความสวยงามที่ตา แต่เป็นเรื่องประสาทสัมผัสด้านอื่นๆ ด้วยค่ะ
-
“บ้าน” ที่ถูกออกแบบมาเพื่อตัวคุณ มันจะทำให้คุณภาพชีวิตคุณดีขึ้น อย่างน้อยเวลากลับบ้านคุณจะรู้สึกว่านี่เป็นที่ที่เมื่อคุณเหนื่อยที่สุดแล้วคุณอยากกลับมา มันต้องเป็นอะไรที่กลับมาแล้วเจอความสวยงามและได้ความรู้สึกชื่นใจ
-
ผมให้ความสำคัญกับ “พื้นที่ส่วนกลาง” ที่ทุกคนในบ้านจะมาเจอกัน เราต้องรู้ว่าอะไรเป็นความต้องการที่สมาชิกแต่ละคนอยากได้ร่วมกัน ก็จับเอาสิ่งนั้นมาสร้าง Space มันจะกลายเป็นพื้นที่ที่ทุกคนสามารถมาทำกิจกรรมร่วมกันได้อย่างมีความสุข
-
วัสดุนึงที่กำลังอินเทรนด์ตอนนี้ คือ Terrazzo หรือหินขัดค่ะ ถ้าไปตามร้านตามคาเฟ่ เราก็จะเห็นเขาใช้วัสดุนี้ เยอะขึ้นค่ะ ถ้าจะเลือก Terrazzo ไปทำพื้น ควรเลือกแพทเทิร์นที่มีตัวเม็ดหินใหญ่หน่อยไม่งั้นมันจะแตกร้าวได้ค่ะ ถ้าเลือกลายที่ไม่ได้มีสีมากราคาจะถูกกว่าหินจริง และให้ความรู้สึกคล้ายๆ หินแกรนิต
-
ถ้าคิดจะปรับปรุงบ้าน ให้ลองจดรายการความต้องการออกมา และถ้าหากมีงบประมาณที่จำกัดให้โฟกัสพื้นที่ที่สำคัญและมีการใช้งานมากที่สุดก่อน จากนั้นให้ดูแปลนบ้านเดิมว่าสามารถขยายหรือปรับปรุงโดยมีผลกระทบกับโครงสร้างหรือไม่ และจึงดูเรื่องรูปแบบที่ต้องการ วัสดุที่ชอบ อาจจะลองทำแผนงานออกมาให้ชัดเจน
-
เวลาติดตั้งแอร์ ผมจะค่อนข้างใส่ใจกับงานระบบ เช่น การวางตำแหน่งคอยล์ร้อนของแอร์ คือจะให้มันไปเรียงรวมกันอยู่ที่ระเบียงทั้งหมดซึ่งมันก็จะเปลืองค่าท่อนิดนึง แต่มันก็ทำให้เกิดความสวยงามและมีจุดเซอร์วิสที่เดียวจบ ซึ่งผมจะทำแบบนี้กับบ้านทุกหลัง ใครที่มีบ้านอยู่แล้วจะเอาไปลองทำก็ได้ครับถ้าทนไหวกับค่าท่อ
-
ถ้าอยากเพิ่มเรื่องแสงเงาให้กับบ้าน อย่างแรกคือทำให้บ้านโล่งที่สุดเท่าที่จะโล่งได้ เพราะความโล่งทำให้เกิดความสงบได้มากขึ้น สองคือถามตัวเองว่ากิจกรรมไหนคือสิ่งที่ฉันชอบ เพราะการจะทำให้บ้านโล่งได้แปลว่าเราต้องเลือกที่จะตัดทอนบางอย่างที่ไม่จำเป็นหรือไม่ใช่ตัวตนของเรา แล้วก็ดึงพื้นที่กิจกรรมนั้นไปใกล้แสงธรรมชาติให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
-
ในงานออกแบบ ผมให้ความสำคัญกับช่วง “การคิดและการสร้างรายละเอียด” เพราะว่ารายละเอียดจะเป็นตัวกำหนดว่างานเราจะสวยหรือไม่สวย คืองานมันไม่ได้จบแค่ขายลูกค้าผ่าน พอเราขายเสร็จสิ่งที่เราต้องรับผิดชอบต่อก็คือการเคลียร์รายละเอียดให้มันได้อย่างที่เราขายไป ซึ่งอันนี้ยากกว่าอีก
-
ถ้ามีบางห้องที่โดนแดดเยอะอาจจะลองเลือกต้นไม้ที่มีรูปทรงเหมาะกับการบังแดดในแต่ละทิศมาช่วย เพราะบ้านเป็นอาคารที่ไม่ได้สูงมาก เราใช้ต้นไม้มาช่วยก็อาจจะทำให้อยู่สบายขึ้นได้ อย่างทิศใต้ ควรเลือกต้นไม้ที่มีลำต้นสูงเพื่อให้ลมเข้ามาได้แต่มีทรงพุ่มแผ่กว้างเพื่อบังแดด หรือทิศตะวันตกก็เลือกไม้พุ่มหนาหน่อยจะได้บังแดดมุมต่ำๆ ได้
-
เวลาออกแบบบ้าน เรื่องสวยและสบายมันเป็น Must Have อยู่แล้ว แต่ผมสนใจเรื่องคุณภาพมากกว่า เพราะหน้าที่ของสถาปนิกเวลาที่เราออกแบบอะไรสักอย่าง เราควรต้องคำนึงถึงคุณภาพชีวิต ซึ่งสำหรับผมมันไม่ใช่สิ่งที่เรียกกันว่าไลฟ์สไตล์ แต่ผมมองว่ามัน คือ คุณภาพชีวิตที่มันต้องยกระดับการใช้ชีวิตที่เป็นเรื่องพื้นฐานง่ายๆ
-
ปัญหาของบ้านที่มีพื้นที่มาก คือ สมาชิกในบ้านไม่ค่อยคุยกัน ทุกคนจะไปหาที่เหมาะๆ แล้วก้มหน้าเล่นมือถือ เฟอร์นิเจอร์จะเข้ามาตอบโจทย์ตรงนี้ได้ โดยเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์แบบ Oversize จากโซฟาที่นั่งได้สองคน ลองปรับเป็น L Shape หรือ U Shape เพื่อทำให้คนนั่งหันมองหน้ากัน มันช่วยเรื่องของความสัมพันธ์ในครอบครัวได้มากขึ้น
-
ถ้าพูดถึงฮวงจุ้ยกับงานออกแบบตกแต่ง สิ่งสำคัญที่อยากบอกคือ คุณควรพาซินแสเข้ามาก่อนที่อินทีเรียร์ดีไซน์เนอร์จะเข้า ไม่ควรพาซินแสเข้ามาหลังจากงานอินทีเรียร์เสร็จแล้ว เพราะมันจะะแก้ไม่ได้ อาจทำให้คุณเสียเงินเปล่าไปกับสิ่งที่ทำไปแล้วและต้องรื้อทีหลัง
ต้องการความช่วยเหลือทักแชตเลย
Live Chat With SB Design Squarex