ทำความสะอาดที่นอน ง่ายๆ ด้วยตัวเอง
เพื่อสุขภาพอนามัยการนอนที่ดี อย่าลืมดูแลรักษาทำความสะอาดที่นอนให้สะอาด เพื่อเวลานอนพักผ่อนแล้วจะได้ไม่ระคายเคืองผิว และยังช่วยยืดระยะเวลาการใช้งานให้กับที่นอน ที่รักของเราด้วย
วันนี้นำเคล็ดลับ การนำอุปกรณ์ และของใช้ในเครือเรือนที่แสนใกล้ตัวมาทำความสะอาดที่นอนกัน เช่น แปรงขัด เกลือ น้ำส้มสายชู เป็นต้น
1. เครื่องดูดฝุ่น หรือ เครื่องดูดไรฝุ่น
เครื่องดูดฝุ่น จะช่วยกำจัดฝุ่น และเศษสิ่งสกปรกต่างๆ ตามซอกตามมุมต่างๆ ทั้งบนฟูกที่นอน และบนเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ให้สะอาดมากที่สุด จะให้ดียิ่งขึ้นเพื่อกำจัดไรฝุ่น "เครื่องดูดไรฝุ่น" ที่มีกำลังดูดสูง จะทำหน้าที่ได้ดีกว่าเครื่องดูดฝุ่นทั่วไป เพราะช่วยดูดไรฝุ่นที่มองไม่เห็น และอยู่ในชั้นลึกๆ ออกมาได้
2. เบกกิ้งโซดา
ใช้โรยให้ทั่วทั้งพื้นผิวของเบาะนอน ทิ้งไว้อย่างน้อยๆ 20 นาที แล้วใช้เครื่องดูดฝุ่นทำความสะอาดอีกครั้ง ทั้งตามซอกตามมุม เป็นอันเรียบร้อย จะช่วยเรื่องขจัดกลิ่นได้มหรือ เพิ่มเติมด้วยผสมเบกกิ้งโซดา กับน้ำมันหอมระเหยกลิ่นที่ชอบนำไปโรยบนที่นอนใช้แปรงหัวอ่อนนุ่มขัดเบาๆ ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที แล้วดูดทำความสะอาดผงเบกกิ้งโซดาออกอีกครั้ง
3. ทิชชู่ หรือ ผ้า
หากที่นอนมีคราบน้ำหก หรือคราบเลอะปรการใช้ทิชชู่ หรือผ้าทำความสะอาดจะช่วยแก้ไขปัญหารอยเปื้อนที่เลอะเฉพาะจุดได้ โดยการใช้น้ำแข็งก้อนถูวนรอบบริเวณรอยคราบจนชุ่ม จากนั้นใช้ทิชชู่ หรือผ้าทำความสะอาดซับลงไป เพื่อดูดซับรอยคราบเหล่านั้นออกให้มากที่สุด แนะนำว่าใช้เพียงการซับเท่านั้น อย่าถูคราบ เพราะจะทำให้รอยคราบซึมลึกเข้าไปในที่นอน ทั้งนี้การใช้น้ำสะอาด หรือเบกกิ้งโซดา รวมถึงสิ่งของที่มีคุณสมบัติขจัดรอยคราบต่างๆ จะช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำความสะอาดที่นอนได้มากขึ้น
4. น้ำส้มสายชู
เนื่องจากน้ำส้มสายชูมีส่วนประกอบหลักเป็นกรดอะซิติก (Acetic acid) จึงมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อโรคต่างๆ ให้นำน้ำส้มสายชูใส่ในสเปรย์ฉีดน้ำ หรือฟ็อกกี้ ฉีดพ่นลงบนที่นอน ทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง ผ้าชุบน้ำหมาดๆ เช็ดตามรอยที่ฉีด ทำให้แห้ง โดยใช้ไดร์เป่าผม หรือตากผึ่งไว้
5. แปรง
กรณีที่นอนเป็นคราบเหลือง หรือมีรอยคราบสกปรก เป็นวง เราสามารถทำความสะอาดรอยคราบเหล่านั้นบนที่นอน โดยใช้แปรงขัดทำความสะอาดที่นอน จะเป็นแปรงขัดเตียงโดยเฉพาะ หรือนำแปรงสีฟันมาใช้ก็ได้ และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำความสะอาดให้ดียิ่งขึ้นด้วย ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ เบกกิ้งโซดา น้ำยาล้างจานแบบใส น้ำส้มสายชูกลั่นขาว เป็นต้น
6. น้ำอุ่นผสมเกลือ
คุณสมบัติของเกลือ คือสามารถกำจัดคราบฝังแน่น รวมถึงช่วยขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ ให้ผสมน้ำอุ่น กับเกลือให้เข้ากัน
ฉีดพ่นคราบบนที่นอนให้ชุ่ม ทิ้งไว้สักพัก เพื่อให้เกลือสลายคราบ แล้วใช้ผ้าสะอาดเช็ดคราบออก และสามารถใช้ผ้าขนหนูแห้ง ฟองน้ำ หรือแปรงขัด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขจัดคราบเปื้อน และลดกลิ่นอับชื้น
7. แป้งเด็ก
เพราะสภาพอากาศร้อน ส่งผลให้หลายคนมีเหงื่อออกในขณะนอนหลับ และเป็นสาเหตุทำให้ที่นอนอับชื้นง่าย แป้งเด็กจึงเป็นไอเทมหนึ่ง ที่เป็นตัวช่วยในวิธีทำความสะอาดที่นอนได้ โดยการโรยแป้งเด็กบนที่นอน จะทำให้ขจัดกลิ่นอับ และกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ ไม่เหนียวเหนอะหนะ เพิ่มความเย็นสดชื่นให้ผู้นอน
8. การตากแดด และผึ่งลม
ช่วยกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ หรือกลิ่นอับชื้นได้ เนื่องจากแสงแดดมี UV ที่ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อโรคต่างๆ รวมถึงลดความชื้นในที่นอน ซึ่งเป็นสาเหตุของกลิ่นอับชื้น ควรตากแดดอย่างน้อยเป็นเวลา 20 นาที และอย่าลืมกลับด้านตากทั้ง 2 ด้านและเปิดประตู ให้ลมได้พัดเข้ามาในห้อง ช่วยให้ที่นอนแห้งเร็วขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้อากาศในห้องถ่ายเทได้อีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก apthai
ที่นอนดี มีข้อแตกต่างกันไปตามปัจจัยของตัวบุคคล เช่น น้ำหนัก ท่านอน หรือแม้ปัญหาสุขภาพ เพื่อสุขภาพการนอนที่ดี อย่าลืมเลือกที่นอนที่เหมาะกับตัวคุณ
เชิญมาทดลองนอนและรับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญเรื่องการนอนได้ที่โซน Mattress World โชว์รูม SB DESIGN SQUARE ทุกสาขา
ศูนย์รวมที่นอน, ชุดเครื่องนอน และหมอน ให้คุณได้เลือกมากที่สุด กว่า 20 แบรนด์ชั้นนำ พร้อมรับสิทธิพิเศษมากมาย
