ABOUT HIM
จาก 1 ใน 10 สุดยอดกระทู้แห่งปี กับรางวัล Pantip Pick of the Year 2018 โดย น้าเบิร์ด BirdEyeView เป็นผู้ตั้งกระทู้รีวิวการตกแต่งภายในบิลท์อินบ้านเดี่ยวไว้อย่างน่าสนใจ มีการแชร์ประสบการณ์และข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับการแต่งบ้านไว้มากมาย สัปดาห์นี้ขอชวนมาเปิดมุมมองเพิ่มเติมกับอินทีเรียร์ดีไซน์เนอร์ผู้อยู่เบื้องหลังความสวยงามนั้น คุณพรชัย ชัยโชติวาณิช Design Director จาก P92 Group
“โปรเจคที่ลูกค้าเอาไปตั้งกระทู้ในพันทิปนั้น นับเป็นอีกหนึ่งผลงานที่เราภาคภูมิใจครับ ลูกค้าน่ารักมาก เขามาดูทุกขั้นตอนเวลาเราทำงาน และมี Consult เข้ามาดูด้วย ซึ่งเราก็ทำงานถูกต้องตามกระบวนการทุกอย่าง บ้านหลังนี้มีความท้าทายตรงที่ Space มีความสูงถึง 8 เมตร และผมก็อยากให้พื้นที่ดูกว้างและลึกเข้าไปอีก เลยใช้กระจกเงาชาทองเจียรปลีเป็นขอบเพชรเข้ามาช่วยสะท้อนเงามิติของแผงหินไวท์วีนัสที่มีความใหญ่มากๆ รวมทั้ง แชนเดอเลียร์บนฝ้าเพดานที่มีความยาวสูงมาทำให้พื้นที่ดูมีมิติ เพิ่มความหรูหราและดูมีมูลค่า อีกทั้งยังทำให้พื้นที่ใช้สอยดูมีความหรูหราอลังการมากขึ้นครับ”
“นอกจากบ้านเดี่ยวแล้ว P92 Group ก็ยังให้บริการออกแบบตกแต่งแบบ Turnkey ในหลากหลายประเภท ทั้งโรงแรม ธุรกิจบันเทิง ออฟฟิศ ร้านค้า โรงพยาบาล ไปจนถึงโรงถ่ายละคร เราอยู่ในวงการนี้มาค่อนข้างยาวนานเกือบ 30 ปีแล้วครับ...สำหรับงานประเภทที่พักอาศัยสไตล์ที่เราทำหลักๆ คือ Modern Luxury ซึ่งเป็นเทรนด์ที่ค่อนข้างมาแรงในช่วงนี้ ส่วนใหญ่ลูกค้าก็จะเป็นบ้านขนาดประมาณ 1,000 – 2,000 ตร.ม. ครับ”
สิ่งที่เราเน้นมาตลอดในการทำงาน คือ เรื่องฟังก์ชั่นครับ เพราะเป็นสิ่งที่คนต้องเข้าไปใช้งาน เช่น เรื่องระดับความสูงของเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ที่ต้องปฏิสัมพันธ์กับสิ่งรอบๆ ด้าน ซึ่งเราก็ดูแลทั้งเรื่องโครงสร้างของงานสถาปัตย์และงานตกแต่งภายใน ฉะนั้น เวลาที่เราจะออกแบบอะไรสักอย่าง มันต้องมีการผสมผสานกันไปทุกระบบ ฟังก์ชั่นจึงจะเวิร์ค จากนั้นจึงไปต่อยอดเรื่องความสวยงาม ซึ่งเป็นเรื่องของวัสดุที่ต้องไปตามเทรนด์และดีไซน์ที่เป็นแฟชั่น
เวลาจะออกแบบบ้านสักหลัง ต้องบอกว่ามันเป็นเทรนด์ของการออกแบบ ตั้งแต่ตัวสถาปัตยกรรมก่อน อย่างลักษณะบ้านทุกวันนี้ จะเน้นพื้นที่โล่งโปร่ง เข้ามาแล้วโชว์ Space ที่มีความโอ่โถง พื้นที่ทุกอย่างดูเชื่อมกันไปหมด สีต้องดูอบอุ่น ซึ่งอันนี้เป็นเทรนด์บ้านของคนช่วงอายุประมาณสามสิบต้น ซึ่งต่างจากยุคก่อนๆ ที่มักกั้นพื้นที่ให้ดูเป็นซอกหลืบหรือมีความเป็นส่วนตัวมากๆ ซึ่งถ้าเป็นลูกค้าที่เป็นผู้ใหญ่หน่อย เขาก็จะชอบอะไรทำนองนี้ คือต้องการ Space ที่มันดูมิดชิด ไม่เปิดโล่งมาก
โดยส่วนตัว ถ้าผมเจอ Space ที่มีความโอ่โถงอยู่แล้ว ผมจะมองให้มันโอ่โถงขึ้นไปอีก 3-4 เท่า เพราะถ้าพื้นที่ยิ่งใหญ่แล้ว เราต้องทำให้ยิ่งใหญ่เข้าไปอีก ให้เจ้าของรู้สึกว่าที่เห็นว่าใหญ่นั้นมันยังใหญ่ได้อีกนะ ซึ่งจะทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นกับ Space ซึ่งการทำให้พื้นที่ดูใหญ่ขึ้นสามารถทำได้หลายวิธี เช่น ทำหลุมฝ้า ซ่อนหลืบไฟ หรือกระทั่งใช้กระจกสะท้อนให้มันกว้างและดูใหญ่ขึ้น แต่ทั้งนี้ เราก็ต้องดูแลในส่วนของงบประมาณให้ลูกค้าด้วย เพราะว่าการที่เราดับเบิ้ลเข้าไปอย่างนั้น เรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ ก็มีต้องเพิ่มขึ้นมา
ส่วนหลักการสร้างบ้านให้อยู่สบาย หลักคิดของเราคือ ต้องทำฟังก์ชั่นให้สอดคล้องเหมาะสมกัน ตั้งแต่ทางเข้ากับห้องรับแขก ต้องทำให้เป็นพื้นที่ที่ดูเชื่อมต่อกันไปถึงห้องอาหาร โดยใช้พวกเฟอร์นิเจอร์หรือบิลท์อินต่างๆ หรือพวกสีมาเป็นตัวแบ่งพื้นที่ สิ่งที่ผมเน้นจะเป็นเรื่องของ “ความเชื่อมต่อที่สามารถปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงได้” โดยเลือกใช้วิธีปิดกั้นที่มีความยืดหยุ่นในการใช้งาน เช่น จะกั้นหรือไม่กั้นก็ได้ แต่ทั้งนี้สิ่งที่เราต้องคำนึงถึงจะมีเรื่องงานระบบด้วย ถ้าเราเปิดพื้นที่มาก สิ่งที่ตามมาคือค่าไฟกับแอร์ ฉะนั้น ถ้าจะประหยัดแอร์ เราก็ต้องทำพาร์ทิชั่นกั้น แต่เมื่อไหร่ที่อยากเชื่อมพื้นที่ก็แค่เลื่อนพาร์ทิชั่นออก
อีกเรื่องที่ผมให้ความใส่ใจเป็นพิเศษคือ “วัสดุ” จากที่เราออกแบบโรงพยาบาลมาค่อนข้างเยอะ เราจึงให้ความสำคัญกับการเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับมนุษย์ เช่น ผ้าม่านก็ต้องเลือกแบบที่ทำความสะอาดง่ายไม่อมฝุ่น หรือผ้าที่ใช้กับตัวเฟอร์นิเจอร์ก็ต้องสามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย การทำร่องหรือหลืบไฟอะไรต่างๆ ก็ต้องมีวัสดุมาปิดผิวเพื่อไม่ให้เกิดซอกสะสมฝุ่น
รวมถึงเรื่องสเปคของอุปกรณ์ Fitting ต่างๆ ผมเน้นว่าต้องเป็นเกรดเอทั้งหมด และต้องเป็น Soft Close เพื่อการใช้สอยที่สะดวกและทำให้วัสดุใช้งานได้นาน อย่างตู้เสื้อผ้าหรือรางเลื่อน เมื่อใช้งานไปนานๆ สิ่งที่ต้องเจอ คือ รางตกบ้าง บานพับหลุดบ้าง ฉะนั้น วัสดุเหล่านี้ต้องเป็นเกรดที่ค่อนข้างดี คือผมมองว่ามันต้องดีจากข้างในก่อน ส่วนข้างนอกอย่างวัสดุปิดผิว ดีไซเนอร์ทุกคนมีมุมมองที่สวยอยู่แล้ว ผมว่าทุกคนทำได้ แต่ส่วนข้างในคือสิ่งผมจะเน้น เพราะเราจะต้องอยู่กับเฟอร์นิเจอร์ชิ้นนี้ไปอีกหลายปี คุณภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญมากๆ ในการออกแบบ...เรื่องเหล่านี้เป็นมาตรฐานในการออกแบบของเราครับ
เทรนด์บ้านเดี๋ยวนี้จะเป็นลักษณะว่า สร้างเป็นหมู่บ้านขึ้นมา ข้างหน้าจะเป็นโรงพยาบาล ข้างๆ กันจะเป็น Community Mall เพื่อสร้างความสะดวกสบายให้สอดคล้องไปกับแต่ละช่วงวัยของผู้อยู่อาศัย ที่จะมีการพัฒนาจากเด็ก ไปผู้ใหญ่ จนกระทั้งถึงผู้สูงอายุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของ “สัมคมผู้สูงอายุ” ก็เป็นอีกปัจจัยที่มีผลกับงานดีไซน์ของเราตอนนี้ เพราะเป็นเทรนด์นี้กำลังมาแรง เช่น ถ้าเป็นห้องผู้สูงอายุ เราก็อาจจะต้องมีมีการลบมุมหน่อยในส่วนของเตียงหรือโต๊ะ เพื่อไม่มีเหลี่ยมคม วัสดุที่ใช้ก็ต้องเป็นมิตรกับเขา ทางเดินหรือห้องน้ำต้องมีมือจับ ซึ่งรายละเอียดเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราต้องแนะนำลูกค้า แม้ว่าเขาจะไม่ได้ถามถึง เพื่อนำเสนอสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่เขา ขณะเดียวกันก็บอกถึงความเป็นมืออาชีพของเราด้วย สิ่งที่เราได้เรียนรู้จากการทำงานในโปรเจคต่างๆ เราก็เอามาแบ่งปัน ส่วนลูกค้าจะทำไม่หรือทำก็อีกเรื่อง แต่ในฐานะที่เราเป็นดีไซน์เนอร์เราต้องแนะนำตรงนี้เพื่อให้ลูกค้าได้สิ่งที่ดีที่สุดกลับไปครับ
อีกปัจจัยที่มีผลกับงานออกแบบของเราพอสมควร คือเรื่อง “ฮวงจุ้ย” ครับ เพราะลูกค้าบางส่วนเขามีความเชื่อตรงนี้อยู่ ซึ่งส่วนตัวผมมองว่า การออกแบบมันเป็นเรื่องของความสอดคล้องระหว่างงานสถาปัตย์และอินทีเรียร์ ส่วนการนำฮวงจุ้ยเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยนั้น...ฮวงจุ้ย คือ ศาสตร์ ซึ่งจะมีผลกับงานออกแบบของเราแค่ 10 % เท่านั้น
ตัวอย่างเช่น บ้านบางหลังที่เราออกแบบ เขาต้องการใช้สีเขียว เพราะเป็นสีนำโชคเป็นสีของเงิน เราก็ใช้สีเขียวเข้ามาออกแบบโดยการนำมาใช้ในพวกวัสดุ หมอน โซฟา คือใช้มิกซ์กัน แต่องค์รวมเราก็จะคงคอนเซ็ปท์เดิมเอาไว้ ไม่ได้เอาเรื่องฮวงจุ้ยมาใช้ตามเขา 100 เปอร์เซ็นต์ หรือย่างเรื่อง “ประตูห้องนอน” ศาสตร์ฮวงจุ้ยจะบอกว่าไม่ควรมีอะไรเกะกะ ซึ่งมันก็ถูกต้องแล้ว เพราะว่าเวลาเราเข้าไปปุ๊บ ถ้าห้องยังมืดอยู่ ถ้าเรามีโต๊ะหรืออะไรที่เป็นเหลี่ยมคมวางขวางอยู่ข้างหน้า เราอาจเผลอไปเดินชนได้รับบาดเจ็บก็ได้ หรือเรื่อง “ตำแหน่งเตียงนอน” ที่เขาบอกว่าไม่ควรอยู่ตรงกับหน้าต่างหลักการง่ายๆ คือ ถ้าหน้าต่างอยู่ตรงหัวเตียง สิ่งที่จะเกิดขึ้น (จากประสบการณ์ที่เราเคยออกแบบโรงพยาบาล) ก็พบว่าผ้าม่านเวลาที่เปิดไปมา มันจะมีฝุ่นฟุ้งลงมาที่เตียงได้ ฉะนั้น การจะมีหน้าต่างและผ้าม่านอยู่บนหัวเตียงจึงเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะ ซึ่งก็เป็นความสอดคล้องกันระหว่างหลักฮวงจุ้ยกับฟังก์ชั่นในการออกแบบ เพราะเป็นหลักวิทยาศาสตร์เหมือนกัน อย่างนี้ผมก็ถือว่าสมเหตุสมผลทั้งคู่เชื่อถือได้ครับ
- การเลือกผ้าม่าน ควรเลือกผ้าที่มีความเงา ลื่น ผสมไหมญี่ปุ่น เพื่อจะได้ไม่อมฝุ่นส่วน ผ้าที่หนาๆ เวลาดึงฝุ่นจะตลบใส่หน้า และมีน้ำหนักมากซึ่งจะทำให้รางฟิตติ้งด้านบนเลื่อนลำบาก อายุการใช้งานก็น้อยลง เวลาเลือกวัสดุเราต้องคำนึงถึงอายุการใช้งานด้วย
- บ้านที่มีผู้สูงอายุ แนะนำให้เพิ่มราวจับตามทางเดินหรือเรื่องของไฟ Night Light เรื่องของงานระบบแบ่งแยกเป็นไฟกลางวันกับไฟกลางคืน เช่น ถ้าจะเดินไปเข้าห้องน้ำ ไฟกลางคืนจะไม่แยงตา เพราะจะถูกซ่อนอยู่ตามหลืบตามเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ซึ่งจะมีเซ็นเซอร์เพื่อเปิดปิดอัตโนมัติ
- พื้นที่เล็ก ก็ Luxury ได้ โดยเลือกใส่กระจกหรือวัสดุที่มีความมันเงา และโทนสีที่ไม่ดูทึบเกินไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพื้นที่นั้นๆ ว่าต้องการได้อารมณ์ประมาณไหน เช่น ถ้าเป็นห้อง Family Room ชั้นล่าง ก็อาจจะให้มีความสนุกสนาน มีสีสันหน่อย แต่ถ้าเป็นห้องที่ชั้นสองก็อาจให้ดูอบอุ่นหน่อย เพราะกำลังจะนอนแล้ว สีก็ต้อง Deep Tone ลงมานิดนึง เช่น น้ำเงิน เทา เป็นต้น
- เทคนิคที่ทำให้พื้นที่ดูโอ่โถง สมมุติถ้าเราเจอ Space เตี้ยและแคบ เราก็จะใช้กระจกเงามาสะท้อนฝ้าเพดานให้ดูสูงขึ้น ถ้าเราอยากให้พื้นที่ดูลื่นไหลและมีความหมุนเวียน เราก็อาจจะใช้ฝ้าที่โค้งหรือโครงสร้างบางอย่างไรที่ดูโอบล้อมก็ได้ เพื่อให้คนรู้สึกว่าถูกดึงดูดเข้าไป
Favorite items
Living Inspiration @ SB Design Square
มุมนี้น่าสนใจตรงที่ Form ของเฟอร์นิเจอร์ดูแปลกตา มันเหมือนงานประติมากรรมที่มีความโดดเด่นแตกต่างและทันสมัย ซึ่งแมตช์กับเทรนด์ตอนนี้ อีกทั้งสีสันและวัสดุก็ดูสวยงามหรูหรา มีมิติ ก็เป็นไอเดียสำหรับใครที่อาจจะอยากหยิบงานดีไซน์แปลกๆ สักชิ้น ไปอยู่ตรงโถงทางเดิน เหมือนเป็นคอลเลคชั่นที่ดูเป็นประติมากรรมวางโชว์ไว้ในบ้านให้ดูว้าว บ่งบอกถึงความเป็นคนมีรสนิยม
ส่วนมุมนี้ ผนังดูเหมือนลายหินมากๆ วัสดุและลายที่ SB เลือกมาทุกตัวดูเหมือนหินธรรมชาติมากๆ แล้วก็ติดตั้งง่ายและรวดเร็ว แล้วก็เป็นงานแห้งช่วยลดงานเปียกได้ตรงนี้มีประโยชน์ วัสดุนี้ดูเหมาะสำหรับโปรเจคโรงพยาบาลหรืองานสำหรับผู้สูงอายุ เนื่องจากถ้าเป็นหินจริงสิ่งที่เกิดขึ้นคือมันจะเย็นและไม่สามารถควบคุมแพทเทิร์นได้ การติดตั้งก็หนักเสี่ยงกับรอยแตกหัก ยิ่งถ้าเป็นโต๊ะหินอ่อนปัญหาคือรูพรุน ถ้ากาแฟหกไปแก้วนึงก็เป็นรอยแล้ว ฉะนั้น การที่มีท็อปหินสังเคราะห์ที่มันเหมือนหินจริงๆ ขึ้นมา มันก็เป็นการทำให้เกิดมิติใหม่ของการออกแบบได้เหมือนกัน อีกอย่างคือเรื่องการใช้วัสดุทดแทนธรรมชาตินี้ ผมว่ามันเป็นคอนเซ็ปต์ที่เป็นเทรนด์ของอนาคตเลยทีเดียว