2018 Week50 :อาณัติ รุ่งรัศมีวัฒนกุล

ABOUT HIM

อาณัติ รุ่งรัศมีวัฒนกุล :  สัปดาห์นี้มาทำความรู้จักกับ Knoq Knoq บริษัทออกแบบที่ไม่มีทั้งเว็บไซต์และเฟสบุ๊ค  แต่ให้บริการมายาวนานกว่า 10 ปี และมีลูกค้าให้ความไว้วางใจมาให้ “น๊อค น๊อค” ออกแบบบ้านอย่างไม่ขาดสาย !!

“ลูกค้าส่วนใหญ่ก็จะเป็นญาติ เป็นเพื่อน เป็นเพื่อนของเพื่อน คือเกิดจากการบอกต่อกันไปเรื่อยๆ ครับ คือปีนึง ผมจะรับทำโปรเจคบ้านแค่ 4 หลังเท่านั้นครับ ผมไม่อยากรับงานเยอะๆ เพราะพอมันเข้ามาเยอะๆ ก็กลายเป็นว่าบางทีเราก็ไม่ได้เข้าใจลูกค้าจริงๆ ว่าเขาต้องการอะไร และอีกอย่างงานหลักของผมจริงๆ แล้ว คือ การทำธุรกิจครอบครัวครับ แต่ที่ผมยังทำงานอินทีเรียร์อยู่ทุกวันนี้เกิดจากความชอบล้วนๆ  เพราะเป็นสิ่งที่เราเรียนมาทั้งชีวิต ทั้งปริญญาตรีและโทครับ”

ผมชอบทำงานออกแบบตกแต่งบ้าน เพราะรู้สึกว่าพื้นที่มันไม่ใหญ่มากจนต้องหรูหราอะไรมากมาย บ้านที่รับออกแบบก็มีตั้งแต่ 100-1,000 ตร. ครับ ถ้าพูดถึงงานที่ทำออกมาแล้วรู้สึกว่า Success ส่วนใหญ่มันต้องเริ่มจาก “การตั้งคอนเซ็ปต์” ที่แน่นอน คือ มีช่วงนึงที่เราทำงานแล้วเราอาจไม่ได้วางคอนเซ็ปต์อะไรชัดเจน สมมุติได้โจทย์มาหลังนึง เราก็รู้สึกว่าทำให้มันสวย แต่พอทำไปเรื่อยๆ แล้วหันกลับมาดูก็รู้สึกว่า เอ๊ะ! ทำไมหลังที่หนึ่งกับหลังที่สองมันดูไม่แตกต่างกันเท่าไหร่  มันเหมือนกับเรามีกรอบในการคิด เราติดอยู่กับกรอบเดิมๆ  เลยเปลี่ยนวิธีการทำงานมาเป็นการรับโจทย์แล้วทำเป็นคอนเซ็ปต์ขึ้นมาก่อน ซึ่งมันก็พัฒนามาจากความต้องการของเจ้าของ แล้วเราก็ตีความสิ่งที่เขาต้องการให้รวบรัดขึ้น ตัวอย่างโปรเจคะนึงลูกค้าอยากได้บ้านที่เรียบมากๆ เราก็ทำคอนเซ็ปต์ออกมาเป็นเรื่อง Hide and Seek คือซ่อนทุกอย่างเข้าผนัง ประตูห้องนอนก็ซ่อนอยู่ในผนังครับ  หรือบางโปรเจคคอนเซ็ปต์ก็ถูกพัฒนาขึ้นมาจาก Golden Section หรือสัดส่วนทองคำ ซึ่งเป็นสัดส่วนที่ถูกคำนวณออกมาตามหลักคณิตศาสตร์ว่าเป็นสัดส่วนที่สวยงามซึ่งมันก็ปรากฏอยู่ในสิ่งต่างๆ ตามธรรมชาติ  (เป็นทฤษฎีเกี่ยวกับการออกแบบที่รู้จักกันดีในวงการศิลปะแขนงต่างๆ การถ่ายภาพ วาดภาพ รวมถึงงานสถาปัตยกรรมด้วย) 

จริงๆ ผมเป็นคนชอบทำงานดีไซน์ เพราะเราจะรู้สึกแฮปปี้ในวันที่มันเสร็จ  ได้เห็นภาพที่ถูกถ่ายออกมาสวยๆ เราจะชอบ แต่กระบวนการกว่าจะไปถึงวันนั้นมันใช้เวลานานมาก  มันต้องติดต่อประสานกับคนเยอะมาก  ซึ่งบางครั้งมันเป็นปัญหา  ผมเชื่อว่าการทำอินทีเรียร์ คือ การจัดระเบียบการความต้องการของลูกค้า พร้อมๆ กับการบริหารจัดการศักยภาพของผู้รับเหมาให้มันแมตช์กัน เช่น เราออกแบบไป 100% แต่ช่างทำออกมาไม่ได้ และเจ้าของบ้านไม่ชอบ หรือเจ้าของบ้านชอบงานเรียบร้อยมาก แต่ช่างทำไม่ได้ คือ มันก็จะต้องหาวิธีจัดการให้ทั้งสองฝ่ายให้แมตช์กันให้ได้  โดยเราจะต้องพยายามทำความเข้าใจคนที่เราทำงานด้วยให้มากขึ้น เพื่อให้กระบวนการตั้งแต่งานอยู่ในกระดาษจนถึงบ้านเสร็จมันง่ายขึ้นสำหรับเรา ประเด็นคือมันต้องสวยตอนที่มันจบ  ซึ่งคำว่า “สวยตอนจบ” อาจแปลว่าไม่เหมือนกับแบบเป๊ะก็ไม่เป็นไร

สิ่งที่ผมให้ความสำคัญที่สุดในการออกแบบตกแต่ง คือเรื่องของ Planning เพราะผมเชื่อว่างานที่ดี Planning ต้องดี เริ่มจากความต้องการของลูกค้าก่อน สมมุติจะทำคอนโด ลูกค้าบางคนชอบกั้นทุกอย่าง เพื่อทำให้พื้นที่เป็นส่วนตัวมากๆ แต่ด้วยบางทีลักษณะพื้นที่มันไม่เหมาะ  เราก็จะรู้สึกว่ามันไม่ได้แล้ว  เพราะทำมาแล้วมันก็จะไม่สวย  ตัวอย่างคอนโด 3 ห้องนอน ผมก็ทุบออกหมดแล้วเปลี่ยนห้องนอนใหญ่ให้เป็นห้องครัว ยาวต่อเนื่องไปกับห้องรับแขก เพื่อให้ได้วิวริมหน้าต่างแบบพาโนราม่าของคอนโดชั้น 47 ซึ่งจะดีกว่าการปล่อยให้เป็นไปตามแปลนเดิมของทางโครงการ  ที่กั้นเป็นห้องนอน (ได้วิวครึ่งนึง) ติดกับห้องรับแขก (ได้วิวอีกครึ่ง) คือการกั้นแบ่งพื้นที่แบบนั้น ลูกค้าจะได้วิวแค่อย่างละครึ่งจากทั้งสองห้อง ทั้งที่เขาเสียเงินซื้อห้องนี้เพื่อวิวตรงนี้

นอกจากเรื่องแพลนนิ่งแล้ว ผมยังให้ความสำคัญเรื่องการเลือกใช้วัสดุครับ  ผมเป็นคนใช้วัสดุค่อนข้างเยอะและหลากหลาย  ผมชอบไม้ เหล็ก โลหะ และหิน แม้ว่าเหล็กจะเป็นวัสดุที่ทำงานด้วยยาก จะทำให้มันตรงร้อยเปอร์เซ็นก็ไม่ได้ (แต่ผมก็มองว่าของบางอย่างมันก็สวยได้แบบไม่ต้องร้อยเปอร์เซ็นต์) คือพอมีอะไรพวกนี้ผสมกัน ผมรู้สึกว่ามันทำให้งานมีรายละเอียดบางอย่างพิเศษขึ้น 

และสิ่งที่ผมชอบใส่เข้าไปในงานออกแบบ คือ รูปวาด รูปที่ใครวาดก็ได้ ไม่ต้องเป็นงานฝีมือของศิลปินดังก็ได้ คุณจะวาดเองก็ได้ แต่แค่ให้เป็นคนวาด อันนี้อาจเป็นความชอบส่วนตัวมากๆ  คือผมชอบรูปวาดเพราะรู้สึกว่ามันมีคาแรคเตอร์ของมัน ซึ่งคาแรคเตอร์นั้นถ้าคุณเลือกเอง มันจะบ่งบอกคาแรคเตอร์ของเจ้าของบ้านได้ เพราะคุณต้องมองมันทุกวัน  บางบ้านเลือกเอารูปแต่งงานมาแขวนไว้  ผมก็ลองถามว่าคุณอยากมองรูปนี้ทุกวันไหม? ลูกค้าก็หัวเราะแล้วตอบว่า “ไม่” ...ผมชอบให้เจ้าของบ้านมีส่วนร่วมในการทำงานร่วมกัน ฉะนั้นการเลือกรูปมาแขวนมันไม่ยาก แค่เลือกรูปที่ชอบ ซึ่งอาจจะเป็นภาพพิมพ์ก็ได้มาแขวนไว้ในบ้านของคุณ

“บ้านที่อยู่สบาย” สำหรับผมต้องโล่งๆ สว่างๆ ส่วนตัวผมจะเน้นความเรียบมากๆ  เฟอร์นิเจอร์น้อยๆ และมีของเท่าที่ใช้ถ้าบ้านมีเพดานสูงสัก 6 เมตร ผมจะไม่ติดไฟที่เพดานตรงนั้น เพราะรู้สึกว่าผมขึ้นไปเปลี่ยนมันไม่ได้ ถ้าจะเปลี่ยนทีคือคุณต้องไปหานั่งร้านมาต่อ 3-4 ชั้น ซึ่งมันยุ่งยาก แต่ผมจะใช้เป็นพวกโคมไฟตั้งพื้นแทน คืออะไรที่เจ้าของบ้านไม่สามารถทำเองได้ หรือจะทำอะไรสักอย่างแล้ววุ่นวายมาก ผมก็จะไม่ทำ คือเวลาเราออกแบบเราต้องมองเรื่องการดูแลรักษาที่มันไม่ควรยากลำบากเกินไปสำหรับเจ้าของบ้านด้วย  แต่ถ้ามันเป็นสิ่งที่เจ้าของบ้านเขาโอเคหรือต้องการ ผมก็ทำให้ครับ

“บ้าน” ที่ถูกออกแบบมาเพื่อตัวคุณ  มันจะทำให้คุณภาพชีวิตคุณดีขึ้น  อย่างน้อยเวลากลับบ้านคุณจะรู้สึกว่านี่เป็นที่ที่เมื่อคุณเหนื่อยที่สุดแล้วคุณอยากกลับมา  มันต้องเป็นอะไรที่กลับมาแล้วเจอความสวยงามและได้ความรู้สึกชื่นใจ เวลาอยู่ข้างนอกคุณอาจไม่สามารถควบคุมทุกอย่างให้ได้ดังใจ แต่เวลากลับถึงบ้านคุณต้องมีพื้นที่ที่คุณควบคุมมันได้ คุณชอบมัน ซึ่งจะทำให้คุณอยากอยู่ตรงนั้น

ผมชอบมุมนี้ เพราะมันมีการเอาตัวนั่งร้านมาทำเป็นชั้นโชว์  ผมว่ามันมีเสน่ห์การใช้พวกของอะไรพวกนี้ มันดูเท่ดี

มุมนี้มันได้หลายอย่าง มันมีแสงจากภายนอกเข้ามาด้วยมันเลยทำให้กระจกมันสะท้อนมุมและสะท้อนต้นไม้จากข้างนอกด้วย  คือถ้าเป็นคอนโดมันจะสะท้อนวิวข้างนอกเข้ามาเพิ่มให้กับห้อง