ABOUT HER
วรรวณิชย์ จิตรประทักษ์ (พิณ) : สัปดาห์นี้ชวนมาพูดคุยกับ Design Director และ Co-Founder จาก Dimensional Interpretation หรือ DIN Studio สตูดิโอออกแบบตกแต่งภายในที่มีผลงานโดดเด่นในความเรียบง่าย อยู่สบาย ดีไซน์สวยงามเหนือกาลเวลา และใช้ “ธรรมชาติ” เป็นแรงบันดาลใจหลักในการออกแบบ ที่สำคัญยังได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในผู้ได้รับรางวัล The 40 under 40 Awards 2018 จากนิตยสาร atr4d ซึ่งเข้าร่วมโครงการกับ Perspective Magazine นิตยสารชั้นนำด้านสถาปัตยกรรมและดีไซน์ ซึ่งจะมอบรางวัลให้กับนักสร้างสรรค์ของไทยจากสายงานต่างๆ จำนวน 40 ราย ที่ประสบความสำเร็จในวัยต่ำกว่า 40
“เรียกเราสั้นๆ ว่า DIN ก็ได้ค่ะ (ยิ้ม)...คำว่า ดิน เป็นเหมือนชื่อเล่นของเรา เป็นคำย่อที่พ้องเสียงกับคำในภาษาไทย ซึ่งมีความหมายที่น่ารักและเรียบง่าย สอดคล้องกับแนวทางการทำงานของเรา เพราะงานของ “ดิน” จะเป็นงานที่ไม่ได้เน้นความหวือหวาหรือโฉบเฉี่ยวเฟี้ยวฟ้าวอะไร แต่จะเน้นให้เป็นงานที่มีฟังก์ชั่นตอบโจทย์ แล้วก็เรื่องของภาพลักษณ์ดีไซน์ที่อยู่ได้ค่อนข้างนาน ซึ่งพอฟังก์ชั่นและความงามมาเจอกันเมื่อไหร่ มันก็จะทำให้คนที่อยู่อาศัยมีความรู้สึกว่าอยู่สบาย คือ สบายตัวและสบายใจค่ะ”
งานออกแบบของ “ดิน” ส่วนใหญ่จะเป็นโรงแรมและร้านอาหารค่ะ ซึ่งงานส่วนใหญ่ที่เข้ามาหาเราก็มักจะเป็นงานที่เกี่ยวพันกับวิถีชีวิตที่เชื่อมโยงกับ "ธรรมชาติ" ทำให้เรามักดึงเรื่องราวของธรรมชาติและกลิ่นอายความเป็นพื้นถิ่นเข้ามาเป็นแรงบันดาลใจในงานออกแบบ ผลงานที่ผ่านมาก็เช่น Erb Spa ซึ่งเป็นสปาแห่งแรกของแบรนด์ Erb ที่เป็นสีเขียวทั้งร้าน เพราะเราหยิบเอาแรงบันดาลใจจากป่าดิบชื้นของไทย รวมทั้งสีสันและเส้นสายของธรรมชาติมาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ จุดเด่นของสปาแห่งนี้คือ โคมไฟดอกจำปา ซึ่งดอกจำปาเป็น 1 ใน 7 ของดอกไม้ที่ทาง Erb นำเกสรมาใช้สร้างความหอมให้กับผลิตภัณฑ์ค่ะ หรืออย่าง Supanniga Cruise เรือสำราญล่องแม่น้ำเจ้าพระยาและร้านอาหารสุพรรณิการ์ที่ท่าเตียน ซึ่งมีวิวธรรมชาติของบ้านเมืองริมน้ำที่สวยงามมาก เราก็ดึงเอาสีฟ้าของน้ำ สีส้มและสีชมพูของท้องฟ้าที่เปลี่ยนไปตามช่วงเวลา เข้ามาเป็นสีสันของผ้าบุและหมอนอิง ซึ่งพอถึงช่วงพระอาทิตย์ใกล้ตกและฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี งานดีไซน์ของเรากับธรรมชาติข้างนอกก็จะหลอมรวมกันเป็นเรื่องเดียว หรือ Six Senses Krabey Island รีสอร์ทบนเกาะส่วนตัว ที่ประเทศกัมพูชา เราก็เอาเรื่องวิถีชีวิตของชาวกัมพูชาเข้ามาใส่ในงานดีไซน์ค่ะ คือ ปกติแล้วทุกงานออกแบบของ DIN จะมีเรื่องราวอยู่ในนั้น เราไม่ได้ออกแบบโดยเริ่มต้นที่สไตล์ค่ะ คือไม่ใช่ว่าเราอยากได้สไตล์ไหน แล้วก็หาเฟอร์นิเจอร์สไตล์นั้นมาใส่ พิณชอบให้งานมีเรื่องราวและเล่าเรื่องได้ในตัวของเค้า จะทำให้งานที่ออกมามีมิติมากกว่าค่ะ
และถ้าถามถึงโปรเจคที่ภูมิใจ จริงๆ ภูมิใจและรักในทุกงาน แต่ถ้าเป็นงานที่ทำให้ DIN ได้ก้าวไปอีกขั้นและเริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างจะเป็นงานรีสอร์ท Six Senses Krabey Island ที่กัมพูชาค่ะ การที่ได้รับโอกาสให้ออกแบบงานของแบรนด์รีสอร์ทระดับโลกอย่าง Six Senses นั้น เรียกว่าเกิดขึ้นได้ยากมากสำหรับบริษัทออกแบบเล็กๆ ที่ตอนนั้นยังไม่เป็นที่รู้จัก งานนี้เป็นงานที่ทุกคนในทีมตั้งใจทำงานกันอย่างทุ่มเทสุดกำลังจริงๆ ค่ะ ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่าที่ได้ทำงานร่วมกับทีมมืออาชีพของ Six Senses โดยรีสอร์ทนี้จะเปิดให้บริการปลายปี 2018 นี้แล้ว ทุกคนในทีมรู้สึกดีใจและตื่นเต้นมากค่ะ
อีกงานหนึ่งที่ภูมิใจมากๆ แต่อาจไม่ใช่โปรเจคที่ได้รางวัลหรือที่คนรู้จักมากนักนะคะ นั่นก็คือร้าน Steps with Theera เป็นคาเฟ่เล็กๆ ย่านเอกมัย ซึ่งมีความพิเศษตรงที่เขาไม่ใช่แค่ขายอาหาร แต่เขาเปิดเป็นห้องเรียนสอนทักษะในการดำรงชีวิตและการประกอบอาชีพให้กับเยาวชนผู้มีภาวะออทิสซึมด้วยค่ะ พื้นที่ด้านบนจะเป็นที่เรียนและทำเวิร์คช้อปของเด็กๆ ส่วนด้านล่างที่เป็นคาเฟ่จำหน่ายอาหารและเบเกอรี่เพื่อสุขภาพ ก็จะเปิดโอกาสให้น้องๆ ที่มาเรียนได้ลองเสิร์ฟอาหาร เพื่อจะได้เรียนรู้เรื่องงานบริการ ซึ่งคุณครูและเชฟผู้เป็นเจ้าของร้าน เขาก็ให้โจทย์มาว่าอยากให้ออกแบบคาเฟ่ที่ทำให้น้องๆ กลุ่มเด็กพิเศษที่มาเรียน เกิดความรู้สึกภูมิใจว่าตัวเองได้มาเรียนและมาทำงานในสถานที่ที่สวยและเท่มากๆ
ก่อนออกแบบ เราได้เข้าไปศึกษาชีวิตของเด็กๆ เยอะมาก เราพบว่าเด็กกลุ่มนี้เป็นตัวของตัวเองมากๆ เขาต้องการการปฏิบัติที่แตกต่างกัน พิณเลยตีความว่าตัวเจ้าของเปรียบเหมือนคนปลูกต้นไม้ แล้วเด็กๆ เปรียบเหมือนเมล็ดพันธุ์ของต้นไม้แต่ละพันธุ์ที่ไม่เหมือนกัน ส่วนลูกค้าที่เข้ามาในร้านเปรียบเสมือนปุ๋ยและแสงแดดให้เด็กๆ มีความสุขและเกิดความภูมิใจในตัวเอง...เก้าอี้ไม้ที่เราเลือกใช้ในร้าน ทุกตัวดีไซน์ไม่เหมือนกันเลย เพราะมันทำจากไม้คนละพันธุ์ แล้วก็สร้างบรรยากาศให้ดูเท่ด้วยเฉดสีเทา มีงานเหล็กเข้ามาผสม มีงานเพนท์รูปทรง Abstract ของใบไม้เข้าไป คือเราสร้างเป็นเรื่องราวขึ้นมา ปรากฏว่าเด็กๆ มีความสุขมาก ทุกคนรักที่นี่
แม้ว่าร้านนี้อาจไม่ใช่ร้านที่พูดชื่อมาแล้วใครๆ จะรู้จัก แต่พิณรู้สึกว่ามันเป็นที่ที่อบอุ่น เหมือนเราได้ออกแบบบ้านอีกหลังให้เด็กๆ “งานดีไซน์ของเราสามารถสร้างความสุขให้คนอื่น” การที่เขาเข้ามาใช้งานแล้วเขามีความสุข พิณว่า “นี่เป็นรางวัล” คือ แค่ได้เห็นผู้ที่เข้าไปใช้งาน เขามีความสุขกับมันจริงๆ พิณว่าแค่นี้พอแล้วค่ะ
- แสงไฟในห้องนอน จะต้องไม่แยงตาและต้องเป็นโหมดที่ดูสบายๆ เหมือนอย่าง Lighting ในห้องนอนโรงแรงแรม ที่เขาจะไม่นิยมติดไฟดาวน์ไลท์ที่เพดานหลายๆ ดวง เพราะไฟจะแยงตา แต่จะเน้นการให้แสงสว่างจากโคมข้างเตียง หรือใครที่ชอบอ่านหนังสือก่อนนอน เขาก็จะทำเป็นไฟอ่านหนังสือติดตรงผนังหัวเตียงแทน
- สำหรับใครที่ชอบหิวตอนดึกๆ แนะนำให้ทำมินิบาร์ไว้ที่ชั้นสองหรือในห้องนอนใหญ่ เหมือนเวลาที่เราไปโรงแรมก็จะเห็นว่ามีตู้มินิบาร์เล็กๆ ที่เปิดไปข้างในจะมีตู้เย็นขนาดเล็ก แล้วก็ทำลิ้นชักสำหรับเก็บจานและช้อนเล็กๆ น้อยๆ...การมีฟังก์ชั่นแบบนี้ จะช่วยทำให้คุณสะดวกมากขึ้นเวลาที่รู้สึกหิวตอนดึกๆ จะได้ไม่ต้องเดินลงไปที่ครัวชั้นล่างค่ะ
- ก่อนจะทำห้องแต่งตัว แนะนำให้คุณลองคำนวณขนาดพื้นที่จากของที่คุณมี ลองเอาทุกอย่างมาแขวนรวมกัน แล้ววัดว่ายาวกี่เมตร ถ้าอยู่สองคนก็ควรต้องรู้ว่าของเรากี่เมตรและของอีกคนกี่เมตร เพื่อจะดูว่าตู้เสื้อผ้าที่คิดว่าจะซื้อหรือพื้นที่ห้องแต่งตัวที่เตรียมจะบิลท์อินนั้นเพียงพอหรือไม่ อันนี้เหมือนเป็นการกลับมารู้จักตัวเองก่อนว่าเราเป็นยังไง ใช้ของแบบไหน ใช้ชีวิตแบบไหน จะได้รู้ว่าต้องเตรียมพื้นที่ให้สิ่งของเหล่านั้นอย่างไร
Favorite items
Favorite Corners in SB Design Square
ชอบมุมนี้ เพราะมันดู Relax ค่ะ ตัวโซฟาก็ดูน่าทิ้งตัวลงไป แล้วโต๊ะกลางก็ใหญ่ จะใช้วางหนังสือ วางของกิน วางอะไรไม่ต้องกลัวว่าจะร่วง แล้วตัวสตูลก็น่ารักดี คาแรคเตอร์ดูเป็นเหมือนพื้นถิ่นหน่อยๆ โทนสีดูสบายตาค่ะ
ชอบมุมนี้ เพราะมันดูเหมือน Art Gallery ค่ะ สมมุติว่าเราเป็นดีไซน์เนอร์หรือเป็นเจ้าของบ้านมาเดินเลือกซื้อเก้าอี้ การจัดวางแบบนี้จะเห็นเก้าอี้ได้ค่อนข้างชัด มันเหมือน เหมือน Art Exhibition ที่มี Showpiece ของเฟอร์นิเจอร์แต่ละอัน
